Pages

Sunday, December 25, 2011

๑๔๓. เหงาใจในลมหนาว [คริสต์มาส ๒๕๕๔]



เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ผ่านมาพร้อมกับสายลมแผ่วเบา
พัดพาเอาความหนาวและความเหงามาพร้อมกัน
ใครบางคนยังคงหนาวเหมือนอย่างทุกปีที่ผ่านมา

ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง กลางใจเมือง
ต่างพร้อมใจกันตกแต่งพื้นที่ ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
เปิดโอกาสให้ใครต่อใครได้เดินปลดปล่อยอารมณ์
ถ่ายรูป ดื่มกิน พูดคุยหยอกล้อกันสนุกสนาน
เพื่อว่าความสุขนั้นจะช่วยผ่อนคลายความหนาวลงไปบ้าง

ชั่วขณะที่เดินผ่านต้นไม้ประดับไฟ ประกายแสงสีงามระยับ
คล้ายๆ ว่าความเหน็บหนาวนั้นจะกลับอบอุ่นขึ้นมา
ความเหงาก็ดูจะเลือนหายไปกับเสียงระฆังที่ดังอยู่ไกลๆ
เรื่องราวขุ่นข้องภายในใจ เหมือนจะจบไปในวินาทีนั้น

"...สำหรับบางคน มันคือช่วงเวลาแห่งความสุขที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์
แต่อีกหลายคน เป็นความสุขที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
พอเดินออกจากสถานที่แห่งนั้น ยังไม่ทันข้ามคืน
ทุกอย่างกลับเป็นเพียงภาพฝันที่ผ่านมาแล้วผ่านเลยไป..."

หนาว เหงา อบอุ่น ครื้นเครง - เพียงแค่วาบความรู้สึก
หมุนวนเวียนไปมาซ้ำๆ ไม่มีอะไรใหม่เลย

...



...

ลมหนาวมาพร้อมกับความเหงา, เป็นอย่างนี้เสมอ,
หนาว เมื่อไม่มีใครคอยห่มกาย, เหงา เมื่อไม่มีใครคอยห่มใจ
เมื่อลมหนาวพัดผ่านมาในเวลาที่ไม่ใคร
ทั้งหนาวกายและหนาวใจก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน

เป็นความหนาวที่เกินกว่าใครจะทนไหว
เว้นแต่จะไร้หัวใจที่จะรับรู้มัน

เทศกาลลมหนาว เหมือนเป็นสัญลักษณ์ที่ตอกย้ำความรู้สึก
ให้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง หมุนเปลี่ยนเวียนวน
ถ้าฤดูที่ผ่านไป ย้ำเตือนให้เรารู้ว่าโลกนี้ยังคงเคลื่อนไหว
ความรู้สึกภายในใจ ก็คอยเตือนให้รู้ว่าเรายังมีลมหายใจ

ถ้าโลกยังคงหมุนผ่านที่เดิมซ้ำๆ ทุกปี
ก็เป็นธรรมดาที่ใจจะรู้สึกซ้ำๆ กันได้ทุกปีเช่นกัน
เปล่าประโยชน์ที่จะปิดกั้น ปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง
แต่จะเป็นประโยชน์เหลือเกิน หากเรามองเห็นความรู้สึกของตัวเองได้
ค่อยเรียนรู้ความรู้สึกของตัวเอง เข้าใจหัวใจของตัวเอง

"...อารมณ์ที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะหนาว อบอุ่น เหงาหรือครื้นเครง
ทุกครั้งที่เรามองเห็น ย่อมเป็นโอกาสให้เราได้เรียนรู้
เรียนรู้ที่จะเข้าใจ ต้อนรับมันได้อย่างมั่นคง
ไม่ใช่เพียงปล่อยให้มันผ่านเข้ามา ทำร้ายเราให้เจ็บ
แล้วเลื่อนลอยหายไป เหลือไว้เพียงรอยร้าวในความทรงจำ..."

...



...

เทศกาลลมหนาว หลายคนบ่นว่าหนาวกายและหนาวใจ
ไม่มีใครเคียงข้าง คอยดูแลเอาใจใส่
ราวกับว่า โลกใบนี้มีตัวเองอยู่เพียงคนเดียว

"...อันที่จริงแล้ว ไม่มีใครเลยที่โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
ไม่มีใครถูกปล่อยทิ้งร้างในโลกที่โหดร้ายเพียงลำพัง
ความคิดต่างหาก ความคิดของเรานั้นเองที่ทอดทิ้งเรา
ความคิดของเรานั่นแหละ ที่ทำให้เราอ้างว้าง เดียวดาย..."

ลองมองไปรอบตัวเราบ้าง
จะมองเห็นใครอีกมากมาย เดินผ่านมา แล้วผ่านไป
เขาอาจจะไม่รู้จักเรา และเราก็ไม่รู้จักเขา
แต่การที่เรามองเห็นเขา แสดงว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว
เราไม่เคยอยู่เพียงลำพังเลยสักครั้ง, นี่คือความจริง

ในขณะที่ใจของเราเหน็บหนาว ขุ่นมัว
เรามองเห็นคนอื่นมีความสุข เราก็อิจฉา โกรธเคือง
คิดว่าคนบนฟ้าจ้องจับผิด จ้องทำร้ายแต่เราเพียงคนเดียว
เรามองไม่เห็นว่า ระหว่างเรื่องร้ายกับเรื่องดี เราผ่านมันมาแล้วทั้งนั้น
เพียงแต่เรื่องดีอาจไม่สะเทือนใจ ไม่มีคุณค่าพอให้เราจดจำ
ไม่เหมือนเรื่องร้ายที่ภาวนาไม่ให้เกิด กลับเกิดขึ้นได้ไม่เว้นวัน

เรามองคนอื่นเพียงด้านเดียว ด้านที่เราอยากจะมอง
เราจึงเห็นคนอื่นมีความสุข และมีคนคอยดูแลเอาใจ
ในขณะที่ตัวเรากลับเป็นคนโชคร้าย มีแต่ทุกข์ และเดียวดาย
เรามองไม่เห็นคนอื่นๆ ที่คอยดูแลเรา เพราะเราไม่เคยคิดจะมอง

ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเป็นเพียงความคิดเท่านั้นเอง

...



...

อย่าว่าแต่คนที่อยู่คนเดียวเลย
แม้จะมีคนคอยเคียงข้างกาย คอยดูแลเอาใจ
ก็ยังหนาวและเหงาได้ไม่แพ้กัน

คนที่คอยดูแล คงทำได้เพียงแค่ห่มกายให้คลายหนาว
หรืออย่างมากก็คอยดูแลใจไม่ให้หนาวจนเกินไป
แต่คนที่จะช่วยให้คลายหนาวจริงๆ นั้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกล
คือใจของเราเองนี่แหละ 

ไม่มีใครเข้าใจเราได้ดีเท่าตัวเรา
จึงไม่มีใครจะดูแลใจ ห่มใจของเราได้ดีเท่าใจของเราเอง
คนอื่นทำได้ก็เพียงแค่สิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขาต้องการ
หรืออาจยอมตามความปรารถนาของเราในบางครั้ง
แต่คงไม่หวังหรอกว่า เขาจะยอมตามเราทุกครั้งไป

ฤดูหนาวปีที่แล้ว เขาคอยห่มกายของเรา
ฤดูหนาวปีนี้ เขาคอยห่มใจของเราทั้งใจ
ฤดูหนาวปีหน้าล่ะ เขาจะยังห่มกายและใจของเราเหมือนเดิม
หรือจะเปลี่ยนไปห่มกายและใจของใครอีกคน ?

หรือแม้เขายังคอยเคียงข้างเราอย่างเดิม
แต่เราจะยังอบอุ่นเหมือนอย่างเดิมหรือเปล่า, ไม่รู้เลย

"...ผ้าห่มผืมเดิม อาจไม่อบอุ่นอย่างที่คุ้นเคย
ใครคนเดิม อาจไม่สุขเหมือนอย่างที่เคยผ่านมา
ไม่ว่าใครจะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป
สิ่งสำคัญคือใจต่างหาก ที่กำลังเปลี่ยนแปลง..."

...



...

ความหนาว และความเหงา มักมาพร้อมกันเสมอ
เพื่อที่จะย้ำเตือนให้เรารู้ว่า โลกยังคงเคลื่อนไหว
และเรายังคงหายใจเหมือนอย่างเดิมทุกๆ ปี

เรายังคงมีหัวใจ มีอารมณ์ มีความรู้สึก
และมีกำลังมากพอที่จะเรียนรู้จากความรู้สึกนั้น

ความเปลี่ยนแปลง เจ็บปวด บอบช้ำ
ความอ่อนไหว เหนื่อยล้า อ้างว้างเดียวดาย
ล้วนแต่เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเรา ให้เราได้คุ้นเคย เข้าใจ
เป็นภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ที่ดีสำหรับเราในทุกๆ ครั้งไป

ฤดูกาลที่หมุนเปลี่ยน เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมดา
เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา วนเวียนอยู่รอบกายเรา
ก็เป็นเพียงเรื่องราวที่ปราศจากความหมายในตัวของมันเอง
ความคิดของเราต่างหาก ที่คอยตีความ คอยให้ความหมายกับมัน
ความคิดของเรานี้เอง ที่พร่ำเพ้อไปกับนิยามที่เราสร้างมันขึ้นมา

"...จะหนาวหรือไม่ จะเหงาสักเพียงไร ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นรอบกาย
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในใจ เพิ่มขึ้นหรือลดน้อยลงตามใจของเรา
เรานั้นเองเป็นคนกำหนด ว่าเราจะหนาว จะเหงา จะอ้างว้าง
หรือจะอบอุ่น อิ่มเอม สำราญใจ, เราเลือกได้เองทั้งนั้น..."

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว, เราเลือกที่จะเป็นอย่างไร

...


แมวน้อย 
ณ สวนแมว เชิงสะพานอรุณอัมรินทร์

...

การห่มใจอาจต้องการ "ใครสักคน" มาช่วยห่ม 
แต่ "ใครสักคน" ที่พูดถึงนั้นไม่จำเป็นต้องเป็น "ใครคนอื่น" สักหน่อย 
คนอื่นๆ หรือแม้แต่คนรักของเราอาจช่วยห่มใจเราได้ก็จริง 
แต่ใจจะหายหนาวหรือไม่นั้นอยู่ที่เรารู้จักห่มใจของเราเองต่างหาก

"...ต่อให้มีคนคอยดูแลเอาใจใส่เรามากเพียงไร 
แต่ถ้าเราไม่เคยคิดจะดูแลเอาใจใส่ใจของเราเอง 
ไม่เคยคิดจะห่มใจของเราเองแล้ว ใจจะหายหนาวได้อย่างไร..."

...

เพียงถ้อยคำธรรมดา ที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจ
ขอบคุณสำหรับทุก comment ครับ



2 comments:

  1. เยี่ยมเลยครับ
    จะร้อนหรือจะหนาวอยู่ที่ใจเราใฝ่....ความสุขเริ่มต้นจากตัวเราเองครับ

    ReplyDelete
  2. ชอบบทความนี้มากค่ะ ชอบหลายประโยคในนี้...ให้แง่คิดดีๆสอดคล้องกับพระพุทธศาสนาทีเดียว

    ความรู้สึกสุขทุกข์ของคนเราล้วนขึ้นกับใจตัวเองที่จะยอมรับและเข้าใจความจริง มองสิ่งต่างๆอย่างที่มันเป็นอยู่ ไม่คาดหวัง วาดภาพให้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น...
    ความสุขที่แท้จริง ไม่อาจขึ้นกับสิ่งใดๆหรือใคร ในเมื่อทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเมื่อไรจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราจึงต้องสร้างความสุขจากภายในใจเรา
    สร้างฐานให้จิตใจตัวเอง ซึ่งการมีสติรู้เท่าทันความรู้สึกตัวเองที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลา เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์นี่แหละ ที่จะทำให้ใจเรามั่นคงแข็งแรงขึ้น และสุขเป็นด้วยตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

    แม้อยู่ลำพังในความหนาว...ก็ไม่รู้สึกเหงาเกินไปได้ ^^

    ReplyDelete