Pages

Sunday, October 2, 2011

๑๓๓. จุดเริ่มต้น บนทางที่ยาวไกล



[บางห้วงคำนึง]

...

๑.

การเดินทางบนเส้นทางที่ยาวไกล
บางที, เราไม่รู้เลยว่า จุดหมายนั้นอยู่ไกลเพียงไร
ในระหว่างการเดินทาง จะมีอะไรรอคอยเราอยู่บ้าง
ซ้ำร้าย, เราอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า เราจะไปที่ไหนกัน

...

 

...

๒.

ชีวิตคนเราก็เหมือนกับการเดินทาง เดินไปไกลแสนไกล
บ่อยครั้งที่เราเดินเพียงสักแต่ว่าเดิน เดินเพียงแค่ให้หมดวัน
เหมือนกับเป็นหน้าที่ บีบบังคับว่าเราต้องเดินไปเรื่อยๆ
แต่เรากลับไม่เคยรู้เลยว่า เรากำลังเดินอยู่ที่ใด และจะเดินไปที่ใด
ก้าวทุกก้าวที่ผ่านมา จึงไม่เคยมีความหมาย

ยิ่งสังคมเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว ชีวิตก็ยิ่งดูเร่งร้อน
เวลามีค่ามากเกินกว่าจะหยุดพัก, แม้เพียงชั่วขณะ,
เราจึงไม่พร้อมที่จะผ่อนใจคิด ไม่แม้แต่จะมองสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว
เราหลงลืมว่าเรากำลังทำอะไร อยู่ที่ใด และจะไปแห่งใด
จนในที่สุด ก็หลงลืมได้แม้กระทั่งตัวของเราเอง

"...ท่ามกลางสังคมที่บีบคั้น แข่งขันกันอย่างบ้าคลั่ง
เราถูกบังคับให้เต้นตามกระแสสังคมอย่างไร้จุดหมาย
ยิ่งจังหวะถี่กระชั้น ก็ยิ่งฉุดกระชากตัวของเราให้หลุดลอยหายไป
ทันทีที่จังหวะนั้นหยุดลง เราก็ไม่เหลือตัวของเราเองอีกแล้ว..."


เมื่อเป็นอย่างนี้ แม้เราจะเป็นคนเดินอยู่เองก็จริง
แต่ถ้าเราไม่รู้ใจของเราเอง ไม่รู้จุดหมายที่เราจะไป
ก็เหมือนกับว่า เราเสียแรงไปโดยไม่ได้เดินไปที่ไหนเลย

ถ้าต้องเหนื่อยเปล่าอย่างนั้น หยุดพักสักหน่อยดีไหม ?
ผ่อนคลายความเร่งร้อนที่รุมเร้า ค่อยๆ มองย้อนกลับสู่ภายใน
หายใจเข้าออกช้าๆ แล้วถามตัวเองเบาๆ
ว่า เราตั้งใจจะเดินไปถึงไหนกัน ?

เมื่อนึกได้แล้ว ค่อยออกเดินทางกันต่อไป ตามที่ใจเราบอกมา
ถึงจะช้าหน่อย แต่คงไม่สายเกิน

...


...

๓.

หากเราตระหนักถึงจุดมุ่งหมายของเรา
มองเห็นว่าเราจะเดินไปที่ไหน ไกลสักเพียงไร
เราจะเริ่มใส่ใจกับทุกๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาระหว่างทาง
เราจะคอยหมั่นสังเกตอย่างตั้งใจ ตลอดการเดินทางของเรา
เพื่อที่จะเฝ้าดูว่า เราเดินมาไกลเพียงไร ถึงไหนแล้ว
และเรายังต้องเดินอีกไกลสักเท่าไหร่ กว่าจะถึงปลายทาง

สิ่งต่างๆ ที่เราพบเจอระหว่างทาง คือประสบการณ์
คือรางวัลอันล้ำค่า ที่ตอบแทนให้กับความมุ่งมั่นของเรา
และจะกลายมาเป็นต้นทุนที่หนุนให้เรายังมีกำลังก้าวต่อไป
ไกลตราบเท่าระยะทางระหว่างจุดหมายที่เรารอคอย

เมื่อเรามองเห็นจุดหมาย มองเห็นเส้นทางที่ชัดเจน
เราจะเดินไปบนเส้นทางนั้นอย่างมั่นใจ, ด้วยตัวของเรา,
ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ สุขสำราญกับทุกก้าวที่เราเดิน
เต็มเปี่ยมด้วยกำลังกายและกำลังใจไปตลอดทาง

ก้าวทุกก้าวของเราจะมีความหมาย
ทุกวันเวลาของเราจะไม่ไร้คุณค่าอีกต่อไป

...


...

๔.

เส้นทางชีวิตนั้นมีหลากหลาย แตกต่างกันไปในแต่ละคน
จึงทำให้ประสบการณ์ของเราทุกคนมีสีสันไม่เหมือนกัน
การแบ่งปันเรื่องราวจึงสำคัญ เพราะช่วยให้เราได้เรียนรู้มากขึ้น
การเดินคนเดียว บนเส้นทางเดียวอาจทำให้เราถึงจุดหมายได้ก็จริง
แต่เราก็เรียนรู้ชีวิตได้จากประสบการณ์ของเราเพียงคนเดียว
คงจะดีกว่านั้น ถ้าเราได้เรียนรู้ประสบการณ์ของคนอื่นๆ ไปพร้อมกัน

ถ้าเราเชื่อว่า ประสบการณ์คือส่วนประกอบสำคัญของชีวิต
การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก็คือการเติมเต็มชีวิตของเรา
แต่ลำพังเพียงประสบการณ์ของเราคนเดียว คงไม่ครบทุกแง่มุม
หรือในวันนี้อาจครบ แต่วันข้างหน้านั้นเราไม่รู้เลย
ตรงกันข้าม, หากเราได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนอื่นๆ บ้าง
ย่อมจะช่วยเติมเต็มแง่มุมชีวิตได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็น

เราจะมองเห็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็น เราจะรู้จักสิ่งที่เราไม่เคยพบเจอ
เราจะเข้าใจเส้นทางอื่นๆ แม้ว่าเราจะไม่เคยเดินผ่าน
นั่นเพราะเราได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ที่แลกเปลี่ยนร่วมกัน

"...การเดินทางเพียงคนเดียว แม้จะมีจุดหมายที่มั่นคงแล้ว
แต่ประสบการณ์ของเราย่อมจำกัดอยู่เพียงเรื่องราวที่เราพบเจอ
ต่างจากการได้รู้จักเพื่อนร่วมทาง ที่แม้จะผ่านมาพบกันเพียงชั่วคราว
แต่ประสบการณ์ที่บอกเล่าสู่กันฟัง แตกต่างหลากหลาย
ย่อมจะมีคุณค่าอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน..."


การแลกเปลี่ยน จะช่วยฝึกฝนใจเราให้รู้จักแบ่งปัน
อันเป็นคุณสมบัติสำคัญในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม

...


...

๕.

ทุกๆ ก้าวในชีวิต ควรระลึกเสมอว่าเรากำลังเดินอยู่ที่ใด
หนทางข้างหน้านั้น เรากำลังจะไปที่แห่งไหน อีกไกลสักเพียงไร
ระหว่างทางที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้เรื่องใดบ้าง
เพื่อให้ทุกก้าวของเรายังมีชีวิต ไม่ใช่เพียงก้าวไปโดยไม่รู้สึกตัว
และเพื่อย้ำเตือนว่าเรายังเป็นเรา ไม่ได้ลบเลือนหายไป

ที่สำคัญ, อย่าลืมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์เหล่านั้น
เพื่อที่เราจะได้ร่วมเรียนรู้ เติมเต็มแง่มุมของชีวิตให้สมบูรณ์

...


...

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

...

ผมเลือกบทความนี้เป็นเรื่องแรก แทนความรู้สึกเมื่อย้ายบล็อกมายัง [ยินดีที่เธอยิ้มได้] http://raynartz.blogspot.com แห่งนี้ หลังจากที่เคยอาศัยอยู่ที่บล็อกเดิมมากว่า ๕ ปี ผ่านเรื่องราวมากมาย ร่วมทุกข์ร่วมสุขมานานจนคุ้นเคยกันดี แต่จำเป็นต้องย้ายมายังบล็อกแห่งนี้ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ

แม้จะย้ายบล็อกใหม่ แต่จุดมุ่งหมายยังคงเดิม คือ เป็นสมุดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต แลกเปลี่ยนความคิดในแง่มุมต่างๆ เพื่อให้เราได้เรียนรู้ร่วมกันเหมือนอย่างเคย

ทุกย่างก้าวมีเรื่องราวให้เรียนรู้
ยินดีต้อนรับสู่บ้านหลังใหม่อย่างคนคุ้นเคยครับ

...

อ่านบทความของผมก่อนหน้านี้ได้ที่
[รัตนาดิศรานุทิน]
http://raynartz.exteen.com 

...

เพียงถ้อยคำธรรมดา ที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจ
ขอบคุณสำหรับทุก comment ครับ




1 comment:

  1. เข้ามาเยี่ยมบ้านใหม่ครับ
    เดี๋ยวนี้ผม ไม่ได้กลับบ้านมาเยี่ยมบ้านตัวเองเลย
    เพิ่งจะกลับมามองดูบ้านที่เคยสร้างไว้ก็วันนี้

    และทันใด ก็ลืมไปว่า เราเคยมีเพื่อนบ้าน ที่เราเคยรู้จักกัน
    ลืมจน ไม่เคยนึกว่า "เคยรู้จัก" มาก่อน

    เข้าไปทักทายในเฟซบุคแล้วนะครับ ห้าๆ

    หวังว่าจะจำกันได้ จากเพื่อนบ้าน จากรุ่นน้องข้างบ้านคนนึงครับผม

    ป.ล. เดี๋ยวนี้ผมเขียนกลอนไม่ออกแล้ว ฮา

    ReplyDelete