...
วันนี้เป็นวัน "ฮาโลวีน"
ผมเพิ่งจะนึกได้เมื่อล่วงเลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้ว หลังจากที่เห็นรุ่นน้องและใครอีกหลายคนตั้งสถานะในเครือข่ายสังคมว่า “Trick or Treat” – วลีที่ชาวตะวันตกคุ้นเคยกันดีในเทศกาลวันปลดปล่อยวิญญาณ และคงเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
ในคืนวันฮาโลวีน เด็กๆ ชาวตะวันตกจะชักชวนกันแต่งกายแฟนซี เป็นโครงกระดูกเดินได้บ้าง เป็นภูตผีปีศาจบ้าง เที่ยวหลอกหลอนไปตามบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียง เมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูรับ เด็กๆ จะถามว่า “Trick or Treat – จะให้หลอกหรือเลี้ยง”
เมื่อเจอเด็กผีหลอก (trick) เข้าให้อย่างนี้ เจ้าของบ้านก็มักจะยอมแพ้ ยอมเลี้ยง (treat) ขนมหรือท็อฟฟี่แก่เด็กๆ ไปตามระเบียบ
ผมยอมรับว่าไม่เคยรู้จักวลี “Trick or Treat” มาก่อนเลย จนกระทั่งอ่านพบในหนังสือไทยศึกษา บทที่ว่าด้วยประเพณีพิธีกรรมไทยที่เกี่ยวเนื่องกับคริสตศาสนา ซึ่งนั่นก็เมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมานี้เอง
พอรู้ว่าเด็กๆ ใช้วลีนี้กันเป็นธรรมดา ผมคงต้องกลับมาพิจารณาตนเองเสียแล้ว
...
...
วันฮาโลวีน (Halloween) หรือวันปลดปล่อยวิญญาณ แต่ดั้งเดิมไม่ใช่พิธีกรรมของชาวคริสต์ บางตำนานกล่าวว่าเป็นวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลต์ (Celt) หรือเป็นงานฉลองเทพเจ้าแห่งความตายชื่อ ชาเมน (Samhain) ผู้ปลดปล่อยวิญญาณให้กลับคืนสู่บ้านเกิด โดยอาศัยจังหวะรอยต่อระหว่างวันที่ ๓๑ ตุลาคม กับ ๑ พฤศจิกายน ซึ่งเชื่อกันว่าเส้นกั้นเขตแดนระหว่างคนเป็นกับคนตายเปราะบางที่สุด
วิญญาณส่วนใหญ่คงอยากกลับมาเยี่ยมบ้าน เยี่ยมครอบครัวเดิมของตน แต่มีวิญญาณบางตนที่ไม่ทำอย่างนั้น กลับคอยล่องลอยหลอกหลอน เข้าสิงร่างผู้คนเพื่อหวังจะฟื้นคืนชีพ
บรรยากาศของวันฮาโลวีนจึงไม่ใช่วันพบญาติ แต่กลายเป็นวันอันตรายที่ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว และทำทุกวิถีทางที่จะป้องกันไม่ให้วิญญาณร้ายเข้าสิงร่างของตน ส่วนใครที่ต้องสงสัยว่าถูกวิญญาณสิงเข้าให้แล้ว จะถูกพิพากษาและเผาทั้งเป็น
ช่วงเปลี่ยนผ่านจากพิธีกรรมนอกรีตสู่พิธีกรรมทางคริสตศาสนา คงจะอยู่ในสมัยของพระสันตะปาปากรีกอรีที่ ๔ (Pope Gregory IV) เมื่อพระองค์ทรงประกาศให้วันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นวันฉลองนักบุญ (All Saints’ Day หรือ All Hallows’ Day) แต่พิธีกรรมในคืนวันที่ ๓๑ ตุลาคมก็ยังคงสืบเนื่องต่อมา เพียงแต่ปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้สามารถเข้ารีตได้โดยสนิทใจ
...
...
โดยเนื้อความ พิธีกรรมในวันฮาโลวีนจัดขึ้นเพื่อป้องกันวิญญาณร้ายไม่ให้ทำร้ายผู้คน แต่โดยนัยยะแล้วพิธีกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลเก็บเกี่ยว (Harvest) อาศัยความเชื่อเรื่องวิญญาณร้ายเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสิ่งที่จะมาทำลายพืชผลและสัตว์เลี้ยง การกำจัดวิญญาณร้ายจึงไม่ใช่เพียงเพื่อความสงบสุขของผู้คนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารไปพร้อมกัน
คนที่ต้องสงสัยว่าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง มักจะเป็นคนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานของสังคม ทำนองเดียวกับความเชื่อในเรื่อง “ปอบ” ของชาวไท-ลาว ซึ่งต้องถูกตัดสินโทษตามกฏเกณฑ์อันเป็นที่ยอมรับร่วมกัน
กล่าวให้ชัดเจนมากขึ้น วันฮาโลวีนคือวันขับไล่ความอัปมงคลต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน ซึ่งอาจส่งผลต่อวิถีชีวิต เพื่อธำรงรักษาความเป็นปกติสุขของชุมชน
พิธีกรรมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ แต่มีผลต่อความเชื่อมั่นของคนในชุมชน ตามความหมายของพิธีกรรมที่เน้นคุณค่าทางจิตใจ ถึงแม้ไม่อาจพิสูจน์ให้เห็นผ่านการทดลอง แต่เมื่อใจเชื่อมั่นแล้ว ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามที่ใจคิด
...
...
ผ่านเวลามานานนับร้อยนับพันปี พิธีกรรมในคืนวันฮาโลวีนย่อมเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่นั่นเป็นเพียงเปลือกหุ้มภายนอกเท่านั้น สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือเนื้อแท้ คือนัยยะที่แฝงอยู่ในตัวพิธีกรรมนั้น ที่ยังคงรอให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจ แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์
สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งความขัดแย้ง แตกแยก และสิ่งต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ ไม่ต่างอะไรกับวิญญาณร้ายที่คอยรบกวนชีวิตเรา คอยจดจ้องหาโอกาสเข้าสิงร่างของเราเมื่อเราอ่อนแอ นำพาชีวิตเราให้พบเจอวิบัติภัยนานาประการ
แม้ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเหล่าวิญญาณร้าย แต่สำคัญที่เราตระหนักรู้ถึงความชั่วร้ายนั้นแล้วหาทางป้องกัน ด้วยการฝึกฝนจิตใจให้หนักแน่นเข้มแข็ง มีสติพร้อมเผชิญสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้ใจหวั่นไหว ไม่ปล่อยให้วิญญาณร้ายแฝงเร้นกายเข้ามาในตัวของเราได้
ท่ามกลางสถานการณ์ที่สับสนและเปราะบาง สติและวิจารณญาณอันสมบูรณ์เท่านั้นที่จะพาให้เรารอดพ้นจากภัยพิบัติ รอดพ้นจากเหล่าวิญญาณร้าย สองสิ่งนี้มีอยู่แล้วในตัวของทุกคน ขอเพียงตระหนักรู้และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
...
...
ใจคือตัวกำหนดความเป็นไปของสิ่งรอบกาย เราไม่ได้รับรู้สิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง แต่รับรู้ไปตามที่เราอยากจะให้เป็น เมื่อเราฝึกใจของเราให้มีความเชื่อมั่นในทางที่ดีตั้งแต่ต้น ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ย่อมง่ายอย่างที่ใจคิด โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรให้ลำบากเลย
ณ ตอนนี้ สูดหายใจลึกๆ แล้วบอกกับตัวเองว่า เมื่อผ่านพ้นคืนวันฮาโลวีนนี้ไปแล้ว เราจะร่วมกันป้องกันสิ่งชั่วร้าย ร่วมกันแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ครอบครัวของเรา ชุมชนและสังคมของเรา ให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติสุขในเร็ววัน
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ “ใจ” ของเราเอง
...
ของขวัญจาก ผศ. อัมพาพร พรคุณธรรม
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยมหิดล
...
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
...
เพียงถ้อยคำธรรมดา ที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจ
ขอบคุณสำหรับทุก comment ครับ
เพียงถ้อยคำธรรมดา ที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจ
ขอบคุณสำหรับทุก comment ครับ
No comments:
Post a Comment